10 อันดับ ตู้เย็น ราคาถูกที่สุด ซื้อที่ไหนดี ปี 2024

ตู้เย็น คืออะไร?

เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน มีด้วยกันหลากหลายชนิด เช่น เตารีด, เครื่องปรับอากาศ, พัดลม, หม้อทอดไร้น้ำมัน เป็นต้น แต่ละอย่างก็ทำหน้าที่ของตนเองที่แตกต่างกันไป แต่เครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทหนึ่งที่เรียกได้ว่าต้องมีแทบทุกบ้านนั่นคือ ตู้เย็นค่ะ

ตู้เย็น (Refrigerator) เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดหนึ่ง ที่มีการทำงานออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกเป็นฉนวนที่ป้องกันความร้อน ไม่ให้ความร้อนจากภายนอกเข้ามาสู่ภายใน และในส่วนที่สอง เป็นส่วนที่ทำความเย็น ทำให้ภายในตู้เย็นมีอุณหภูมิที่ต่ำกว่าด้านนอก โดยเรานิยมใช้ตู้เย็นเพื่อจัดเก็บอาหาร ไม่ให้เน่าเสีย, จัดเก็บเครื่องสำอางไม่ให้เสื่อมสภาพจากอากาศที่สูงภายนอก เพราะอุณหภูมิที่ต่ำจะช่วยรักษาสภาพของอาหารและสิ่งของได้ดีกว่า

ตู้เย็น มีกี่ประเภท?

ปัจจุบันตู้เย็นมีการออกแบบที่ทันสมัยและร่วมสมัยอยู่มากมายหลายประเภท สามารถแบ่งได้ดังนี้

1. ตู้เย็น Built-in เป็นการออกแบบตู้เย็นให้พอเหมาะกับผนังบ้านของคุณ รวมถึงมีการดีไซน์ในเรื่องสีสันให้กลมกลืน ซึ่งการจะทำในลักษณะนี้ต้องปรึกษากับผู้ออกแบบให้ดี รวมไปถึงต้องมีการเว้นระยะห่าง มีการจัดวางที่เหมาะสม การถ่ายเทของอากาศ และอื่น ๆ ร่วมด้วย
2. ตู้เย็นแบบช่องแช่แข็งอยู่ด้านบน มักเป็นการออกแบบของตู้เย็นที่เราคุ้นชินตา เพราะใช้กันค่อนข้างมาก ก็คือตัวตู้เย็นจะมีช่องแช่แข็งอยู่ส่วนบนของตู้เย็น ประมาณ 1 ใน 3 หรือ 1 ใน 4 ของตู้เย็น ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการออกแบบของแต่ละรุ่น แต่ละแบรนด์ อีกทั้งยังมีแบบ 1 ประตู แต่แบ่งส่วนแช่แข็งไว้ด้านบน หรือแบบ 2 ประตูที่ประตูด้านบนจะเป็นช่องแช่แข็ง
3. ตู้เย็นแบบช่องแช่แข็งอยู่ด้านล่าง เป็นการดีไซน์ตู้เย็นในรูปแบบใหม่ที่มีมาไม่กี่สิบปีนี้เอง อันเนื่องมาจากการทำวิจัยแล้วพบว่า ผู้ใช้งานส่วนใหญ่จะใช้งานช่องแช่เย็นมากกว่า หากเป็นแบบช่องแช่แข็งอยู่ด้านบน ทำให้ผู้ใช้งานต้องมีการก้ม ๆ เงย ๆ กับการใช้งานตู้เย็น ซึ่งไม่สะดวกนัก จึงได้มีการปรับปรุงให้กลับด้าน โดยนำช่องแช่แข็งมาไว้ด้านล่าง และช่องแช่เย็นไว้ด้านบน ซึ่งถือว่าดีไซน์นี้ตอบโจทย์การใช้งานผู้บริโภคได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว
4. ตู้เย็นแบบ Side by side ลักษณะประตูตู้เย็นจะถูกแบ่งเป็น 2 ส่วนในแนวตั้ง ลักษณะการเปิดกระทำได้ทั้งบานซ้ายและบานขวา โดยจะแบ่งส่วนจัดเก็บเนื้อสัตว์, ส่วนแช่แข็งไว้แยกกัน แต่ก็ยังทำให้คุณสามารถหยิบของจากส่วนแช่เย็นได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ใช้งานสะดวกมากขึ้น ดีไซน์สวย และมักมีฟังก์ชันเสริมอื่น ๆ เช่น หน้าจอควบคุม, ระบบทำน้ำแข็งในตัว เป็นต้น
5. ตู้เย็นแบบ French door หรือบางครั้งก็เรียก Multi-door เป็นการพัฒนาต่อยอดมาจากตู้เย็นแบบ Side by side โดยมีการเพิ่มประตูของตู้เย็นให้ตอบโจทย์ผู้ใช้งานมากขึ้น โดยย้ายส่วนแช่แข็งมาไว้ด้านล่าง บางรุ่นอาจมี 3-4 ประตู เพื่อสนองต่อความต้องการของผู้ใช้งานให้มากที่สุด
6. ตู้เย็นมินิ หรือบางทีก็เรียกตู้เย็นมินิบาร์ เป็นตู้เย็นขนาดเล็ก มีประตูเดียว ส่วนใหญ่มักมีเพียงส่วนของช่องแช่เย็น ซึ่งนิยมตั้งวางไว้ในห้องนอน ห้องทำงาน เพื่อนำมาใช้จัดเก็บเครื่องสำอาง, เครื่องดื่ม ทำให้ง่ายต่อการใช้งานเฉพาะส่วนมากขึ้น

ตู้เย็น วิธีเลือกซื้อ?

หากคุณกำลังมองหาตู้เย็นตัวใหม่เพราะของเดิมเสีย หรือขึ้นบ้านใหม่ก็ตาม เรามีคำแนะนำในการเลือกซื้อมาฝากดังนี้

1. ขนาดของตู้เย็น โดยหน่วยที่ใช้เรียกขนาดของตู้เย็นนั้นจะใช้ คิว หรือขนาดความจุของตู้เย็นที่วัดเป็นลูกบาศก์ฟุตนั้นเอง โดยการเลือกขนาดนั้น เราควรกะขนาดใช้งานจากจำนวนสมาชิกภายในบ้าน และวิถีการใช้งาน โดยตู้เย็นที่มีขนาดเล็กกว่า 12 คิว เหมาะสำหรับสมาชิก 1-2 คน, ขนาด 12-18 คิว เหมาะสำหรับสมาชิก 3-4 คน และหากสมาชิกในบ้านมีมากขึ้นกว่า 5 คน รวมไปถึงนิยมทำอาหารทานเอง ควรเลือกตั้งแต่ 15 คิวขึ้นไป
2. รูปแบบตู้เย็น จากประเภทต่าง ๆ ของตู้เย็นที่ได้กล่าวไปข้างต้นแล้วก็สามารถนำมาเลือกรูปแบบที่คุณสนใจได้ แต่ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับขนาดของตู้เย็นร่วมด้วยนะคะ เพราะว่าตู้เย็นขนาดเล็ก ที่ใช้งานเพียง 1-2 คน มักมีการออกแบบเป็นตู้เย็นเพียง 1 ประตูโดยส่วนมาก แต่หากขนาดตู้เย็นมีขนาดใหญ่ ก็จะมีตัวเลือกรูปแบบที่เยอะขึ้น เช่น 2 ประตู, Side by side เป็นต้น
3. อัตราการกินไฟ ในตอนนี้ถือได้ว่าเป็นอีกสิ่งที่ต้องพิจารณาพิเศษ เพราะค่าใช้ในปัจจุบันพุ่งสูงเหลือเกิน ดังนั้น หากอัตราการกินไฟน้อย หรือตู้เย็นแบรนด์นั้นได้รับฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ก็เป็นตัวเลือกที่ดี นอกจากนี้การจะกินไฟมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับการใช้งานของคุณร่วมด้วย เช่น พื้นที่จัดวาง ใกล้ความร้อนหรือไม่ อากาศถ่ายเทสะดวกหรือเปล่า มีของแช่มากเกินไปหรือไม่ เป็นต้น
4. ดีไซน์ ดีไซน์ที่สวยก็ถือได้ว่าเป็นของตกแต่งครัวคุณได้ร่วมด้วย นอกเหนือไปจากฟังก์ชันการใช้งานที่เราต้องการนั่นเอง และควรเลือกสี หรือดีไซน์ที่เหมาะกับธีมการตกแต่งภายในห้องนั้น ๆ ร่วมด้วย
5. ฟังก์ชันเสริม หากมีรุ่นเปรียบเทียบในใจ ที่ยังตัดสินใจไม่ได้ ลองดูในเรื่องของฟังก์ชั่นเสริมร่วมด้วยค่ะ เช่น บางแบรนด์มีระบบทำน้ำเย็น หรือทำน้ำแข็งให้, มีแผงหน้าจอควบคุมให้, ประตูอัตโนมัติ และอื่น ๆ เพื่อนำมาเป็นตัวตัดสินใจอีกครั้ง
6. การรับประกัน เป็นความมั่นใจสำหรับการซื้อสินค้า อย่าลืมสอบถามร้านถึงการรับประกัน เพื่อมั่นใจว่าหากสินค้าที่คุณซื้อไป เกิดปัญหาขึ้นในวันหนึ่ง จะต้องสามารถส่งซ่อมได้ หรือสินค้าอยู่ในรับประกันนานเพียงใด
7. งบประมาณ ตู้เย็นดังกล่าว นอกจากจะต้องมีขนาดที่ใช้งานเหมาะสม ดีไซน์ถูกใจแล้ว อีกตัวช่วยที่ทำให้คุณจำกัดรูปแบบตู้เย็นที่เหมาะสมสำหรับคุณได้ดีที่สุดก็คือ งบประมาณนั่นเอง เพราะหากเลือกได้ลงตัวกับงบที่เรามี ก็ทำให้ตู้เย็นนั้นเป็นที่เย็นใจสำหรับเราร่วมด้วย

ได้ไอเดียในการเลือกตู้เย็นกันไปพอสมควรแล้ว คราวนี้มาเลือกตู้เย็นที่ถูกใจเข้าบ้านกันค่ะ

1. Worldtech ตู้เย็นมินิบาร์ 1.7 คิว รุ่น WT-MB48

2. Haier ตู้เย็น 1 ประตู Muse series

3. Samsung ตู้เย็น 2 ประตู RT29K501JB1/ST

4. TOSHIBA ตู้เย็น 1 ประตู ความจุ 5.2 คิว GR-C149

5. TOSHIBA ตู้เย็น 1 ประตู ความจุ 6.4 คิว รุ่น GR-C189

6. LG ตู้เย็น 2 ประตู รุ่น GV-B212PGMB ขนาด 7.7 คิว

7. ALCO ตู้เย็นมินิบาร์ ขนาด 1.7 คิว รุ่น AN-FR468 White สีขาว

8. ตู้เย็น ตู้เย็นสำหรับติดรถ ตู้เย็นขนาดเล็ก

9. Samsung ซัมซุง ตู้เย็น 2 ประตู Digital Inverter Technology รุ่น RT20FGRVDSA/ST

10. LG ตู้เย็น GC-B187JQAM ขนาด 18.3 คิว

บทส่งท้าย

ตู้เย็น ถือได้ว่าเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่จำเป็นสำหรับทุก ๆ บ้าน เพราะช่วยจัดเก็บอาหารปรุง, อาหารสด, ผัก, น้ำดื่ม, เครื่องสำอางและอื่น ๆ ให้กับคุณ ชะลอการเน่าเสีย การเสื่อมสภาพได้ แต่การเลือกใช้ ก็ต้องเลือกตู้เย็นคุณภาพ มีขนาดเหมาะสมกับจำนวนสมาชิกภายในบ้านร่วมด้วย และเพื่อให้ตู้เย็นใช้งานได้นาน ๆ ควรตั้งวางในที่อากาศถ่ายเทดี ไม่วางตู้เย็นชิดผนัง เปิดปิดเฉพาะจำเป็น รวมไปถึง ไม่แช่หรือเก็บอาหารที่มากเกินจำเป็น เพราะจะทำให้กินไฟ และเสื่อมสภาพเร็วขึ้นนะคะ ขอให้เย็นฉ่ำเย็นใจจากการใช้งานตู้เย็นอยู่เสมอค่ะ