10 อันดับ ครีมกันแดด แบรนด์อะไร ซื้อที่ไหนดี ปี 2024

ครีมกันแดด คืออะไร?

ประเทศที่เป็นเมืองร้อนแบบบ้านเรานั้น ถึงแม้จะมี 3 ฤดู ได้แก่ ฤดูร้อน ฤดูฝน และฤดูหนาว แต่ในบางพื้นที่นั้น เรียกได้แทบจะเหลืออยู่ฤดูเดียว ก็คือ ฤดูร้อน แม้ในหน้าฝนจะมีฝนตกบ้าง แต่เมื่อหยุดตกก็พร้อมที่จะกลับมาร้อนเหมือนเดิม หน้าหนาวก็อาจรู้สึกเย็น ๆ อยู่ 3-4 วันเท่านั้น ที่เหลือของทั้งปีก็เรียกได้ว่าร้อน เพียงแต่จะร้อนมาก หรือร้อนน้อยเท่าเดิม ดังนั้น เสื้อผ้าที่เลือกสวมใส่ ก็ควรเลือกเนื้อผ้าบางเบา อากาศถ่ายเทดี แต่สามารถกันแสงยูวีได้ รวมถึงควรใส่หมวกแก๊ป กางร่ม เพื่อช่วยป้องกันความร้อนมากระทบผิวเราโดยตรง นอกจากนี้ตัวช่วยที่ดีอีกตัวก็คือ ครีมกันแดด นั่นเอง

ครีมกันแดด (Sunscreen) คือ เป็นสารที่ถูกผลิตออกมาในหลากหลายรูปแบบ เช่น ครีม, โลชั่น, สเปรย์ เป็นต้น เพื่อให้เรานำมาใช้กับผิวหน้า ผิวกายเรา เพื่อทำหน้าปกป้องผิวจากแสงแดด ซึ่งมีรังสีอัลตราไวโอเลตหรือรังสียูวี (Ultraviolet Radiation: UV) โดยเจ้ารังสีที่ว่านี้ จะทำลายผิว เซลล์ผิวของเรา ซึ่งจะทำให้การสร้างเม็ดสีของผิวคล้ำลง จึงทำให้ผิวเราคล้ำขึ้น และเป็นสาเหตุที่ทำให้เราอาจเกิดโรคมะเร็งผิวหนังได้ ดังนั้นจึงควรใช้ครีมกันแดด มาเป็นหนึ่งในตัวช่วยที่ป้องกันผิวของเรานะคะ

ครีมกันแดด มาทำความรู้จัก ค่า SPF กับ PA ?

ในเวลาที่เราดูบนฉลากผลิตภัณฑ์ มักเห็นค่า 2 ตัวนี้เสมอ คือ SPF และ PA แล้วทราบไหมคะว่ามันเป็นค่าอะไร

SPF มาทำความรู้จักค่านี้กันก่อนค่ะ SPF ย่อมาจาก Sun Protection Factor เป็นการแสดงค่าของครีมกันแดดนั้น ๆ ว่ามีประสิทธิภาพในการป้องกันรังสี UVB ได้นานเท่าไหร่ ซึ่งมีการเทียบค่าให้เข้าใจง่ายเพิ่มขึ้นดังนี้ โดยปกติผิวของเราจะป้องกันผิวหนังไหม้จากการเผชิญแดดได้ประมาณ 15 นาที เมื่อเราทาครีมกันแดดที่มี SPF50 ก็สามารถปกป้องผิวได้นาน 50 เท่า กล่าวคือ 15 x 50 เท่ากับ 750 นาที หรือประมาณ 12 ชั่วโมง แต่ทว่าในความเป็นจริงแล้ว มันยังมีอีกหลายปัจจัยมาร่วมด้วย เช่น ระยะเวลาออกแดดนานเท่าไหร่, การสัมผัสเสียดสี, การโดนน้ำ และอื่น ๆ จึงแนะนำว่าควรทาซ้ำทุก ๆ 2-4 ชั่วโมง

PA ย่อมาจาก Protection Grade of UVA ก็คือเป็นค่าแสดงการปกป้องผิวจากรังสี UVA นั่นเอง โดยบนฉลากผลิตภัณฑ์มักแสดง เป็นค่า + ต่อจากคำว่า PA โดยแบ่งได้ดังนี้

• PA+ สามารถป้องกันรังสี UVA ได้ 1-4 เท่าของผิวปกติ มีความสามารถในการป้องกันได้น้อย ซึ่งหากเป็นการทำกิจกรรมทั่ว ๆ ไปก็เพียงพอ
• PA++ สามารถป้องกันรังสี UVA ได้ 4-8 เท่าของผิวปกติ มีความสามารถป้องกันได้ในระดับปานกลาง
• PA+++ สามารถป้องกันรังสี UVA ได้ 8-16 เท่าของผิวปกติ มีความสามารถป้องกันได้ในระดับสูง
• PA ++++ สามารถป้องกันรังสี UVA ได้ 16 เท่าขึ้นไปของผิวปกติ มีความสามารถป้องกันได้ในระดับสูงมาก
  ซึ่งหากผู้ที่มีกิจกรรมกลางแดดเป็นประจำแนะนำให้ใช้ตั้งแต่ PA++ ขึ้นไปจะเหมาะสม และควรทาครีมกันแดดซ้ำทุก ๆ 2-4 ชั่วโมงค่ะ

ครีมกันแดด การเลือกซื้อและการใช้งาน?

เมื่อต้องการเลือกซื้อครีมกันแดด ควรพิจารณาผลิตภัณฑ์ และการใช้งานอย่างไร เรามีคำแนะนำดี ๆ มาฝากค่ะ

1. มองหาเลขที่จดแจ้ง ผลิตภัณฑ์ครีมกันแดดถือได้ว่าอยู่ในประเภทเครื่องสำอาง ดังนั้นเลขที่ใช้ควบคุมผลิตภัณฑ์ จะไม่ใช่ อย. นะคะเนื่องจากไม่ใช่อาหารและยา แต่จะเป็นเลขควบคุมที่เรียกว่า เลขจดแจ้ง หรือใบจดแจ้ง ซึ่งต้องแสดงบนฉลากผลิตภัณฑ์ และสามารถตรวจสอบได้บนเว็บไซต์ของ อย. ค่ะ
2. มองหาความสามารถในการป้องกันแสงแดด ในแสงแดดนั้นมีทั้งรังสี UVA, UVB ดังนั้นจึงควรมองหาค่าความสามารถในการป้องกันรังสีทั้ง 2 ชนิด โดยแยกแสดงค่าเป็น SPF และ PA และเลือกความสามารถป้องกันตามการใช้งานของเรานะคะ
3. ใช้งานได้นานเท่าไหร่ ครีมกันแดดนั้น หากยังไม่ได้เปิดใช้ผลิตภัณฑ์ มีอายุได้นาน 3 ปี แต่หากเปิดใช้แล้ว ควรใช้ให้หมดภายใน 1 ปี เพราะหากเลยช่วงเวลานั้น ความสามารถในการป้องกันแสงแดดของผลิตภัณฑ์ก็จะเสื่อมลง
4. การทาซ้ำ แม้ว่าจะซื้อผลิตภัณฑ์ครีมกันแดดที่ทรงประสิทธิภาพมากเท่าไหร่ แต่ด้วยปัจจัยหลายอย่าง เช่น เหงื่อ การเสียดสี เป็นต้น ก็อาจทำให้ความสามารถในการปกป้องน้อยลงได้ ดังนั้นจึงควรทาซ้ำทุก 2-4 ชั่วโมง ถึงแม้จะเป็นครีมกันแดดแบบกันน้ำ ก็ควรต้องทาซ้ำเช่นกัน
5. ควรใช้อย่างอื่นปกป้องร่วมด้วย นอกจากจะทาครีมกันแดดเรา เราควรมองหาสิ่งต่าง ๆ ในการปกป้องร่วมด้วย เช่น การสวมเสื้อผ้า การใช้ร่มหรือหมวก และอื่น ๆ
6. หลีกเลี่ยงสารอันตราย เราควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่เราสงสัยว่ามีการใส่สารอันตราย เช่น กรดพาราอะมิโนเบนโซอิก (Para-Aminobenzoic Acid: PABA) หรือผสมเบนโซฟีโนน (Benzephenones) เป็นต้น เพราะอาจทำให้เกิดอาการแพ้ หรือเกิดอันตรายต่อร่างกายได้
7. ทาก่อนออกแดด ผลิตภัณฑ์เป็นครีมกันแดดก็จริง แต่ไม่ใช่ทาแล้วก็ออกแดดได้ทันที แต่ควรมีการทาก่อนการออกแดดประมาณ 15-30 นาที เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ทำหน้าที่ปกป้องผิวได้เต็มประสิทธิภาพ
8. อย่าลืมทาในจุดเล็ก ๆ เรามักทาครีมกันแดดในพื้นที่ใหญ่ ๆ ของร่างกาย เช่น ผิวหน้า, แขน, ขา แต่อย่าลืมใส่ใจทาในจุดเล็ก ๆ เหล่านี้ร่วมด้วย เช่น หลังใบหู, หลังคอ, หลังเท้า หรือจุดอื่น ๆ เป็นต้น
9. อยู่ในบ้านก็ควรทาครีม แม้เราจะไม่ได้ออกไปไหนนอกบ้าน แต่ก็อย่าลืมใส่ใจทาครีมกันแดดเป็นประจำ เพราะยังมีแสงจากหลอดไฟที่เราใช้งาน รวมไปถึงแสงสีฟ้าจากจอคอมและโทรศัพท์มือถือของเรา เพราะแสงเหล่านี้ก็ทำร้ายผิวเราได้เช่นกันค่ะ

มาถึงตรงนี้ คงพร้อมที่จะช้อปปิ้งผลิตภัณฑ์ครีมกันแดดดี ๆ มาไว้ใช้งานกันแล้วนะคะ จะมีแบรนด์ไหนน่าสนใจบ้าง มาเลือกกันค่ะ

1. Dr. Pong Hyaluronic Ultra Light Sunscreen with Aquatide

2. My choice ครีมกันแดด ขายยกแพ็ค 6 หลอด

3. Clear Nose เคลียร์ โนส ยูวี ซัน เซรั่ม

4. บานาน่า โบ๊ท กันแดดเนื้อบางเบาสูตรอควา สำหรับกิจกรรมกลางเเจ้ง

5. กันแดด Bulk EDITION for clinics 500 ml – Dr. Pong

6. กันแดด BSC Crystal Aura บีเอสซี คริสตัล ออร่า ซันสกรีน แอนตี้ พอลุชั่น

7. Venita Anti-Acne Care Sunscreen

8. KA UV Whitening Soft Cream

9. Sunplay ซันเพลย์ สกิน อะควา โทนอัพ เอสเซ้นซ์

10. Plantnery CICA Ceramide Aqua UV Defence

บทส่งท้าย

แสงแดด มีประโยชน์มากมาย ช่วยทำให้พืชผักเจริญเติบโต ให้ความสว่างในทุกพื้นที่ที่แสงแดดส่องถึง ทำให้ผ้าแห้งเร็ว ไม่เหม็นอับ เป็นพลังงานโซล่าเซลล์ และอีกมากมาย แต่ทว่าแสงแดดเองก็มีโทษเช่นกัน ด้วยการที่มีรังสีตัวร้าย ที่มาคอยทำลายผิว ให้หมองคล้ำ ไหม้เกรียม รวมไปถึงเป็นสาเหตุของมะเร็งผิวหนังอีกด้วย ดังนั้นควรปกป้องผิวหน้าและผิวกายของคุณให้ดี ด้วยการใช้ครีมกันแดดที่มีคุณภาพ เพื่อเราจะได้ใช้ประโยชน์จากแดดได้เต็มที่ แต่ก็ไม่ทำให้ผิวเราเสียนะคะ